ความหวาน ศัตรูตัวฉกาจของคน ออกกำลังกาย เพื่อลดน้ำหนักในประเทศไทย !

เวลาพาเพื่อนที่เป็นชาวต่างชาติไปซื้อกาแฟเย็นในบ้านเรามาดื่ม มักได้ยินเสียงติงบ่อยๆ ว่า ทำไมกาแฟเย็นบ้านเรามันถึงได้หวานจับจิตจับใจขนาดนี้ ! เขาบอกว่ากาแฟในต่างเทศแม้จะเป็นกาแฟเย็นที่ใส่น้ำแข็งก็ไม่ได้ทำออกมาให้มีรสหวานมากมายขนาดที่มีขายกันทั่วๆ ไปในบ้านเรา หากเอามานั่งตรองดู ก็จะเห็นได้ว่าคนไทยติดรสหวาน ! เพราะไม่ได้มีแค่กาแฟเย็นอย่างเดียวหรอกที่ทำออกมารสหวานจัด เครื่องดื่มอื่นๆ ไม่ว่า ชาเย็น โอเลี้ยง น้ำผลไม้ผสม ที่ขายทั่วไป รวมไปจนกระทั่งไวน์ชุมชน ที่ฮิตกันอยู่ในช่วงบูมเรื่องผลิตภัณฑ์ตำบลก็ยังทำออกมารสหวานจัด ! หรือจะเป็นต้มยำน้ำข้น แกงเผ็ด หรือหมูปิ้งเนื้อย่างก็ดูเหมือนจะต้องมีรสหวานปนอยู่ด้วยทั้งนั้น ! และนี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่หลายๆ คน พยายามลดน้ำหนัก ด้วยการออกกำลัง ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง การปั่นจักรยาน หรือ เล่น อุปกรณ์ฟิตเนต ทำแล้วไม่ได้ผล !

เพราะอาหารที่เราบริโภคเข้าไปเจือด้วยน้ำตาล ทำให้อาหารที่เรารับประทานเข้าไปมีพลังงานสูง นั่นเป็นเรื่องยากที่การออกกำลังจะสามารถเผาผลาญใช้พลังงานได้หมด จึงอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ออกกำลังแค่ไหนน้ำหนักก็ไม่ยอมลด เพราะถึงแม้บางทีเราว่าเราจำกัดอาหารแล้ว แต่หากทานอาหารที่ใส่น้ำตาล มันยังให้พลังงานสูงอยู่ดี ก็เลยดูเหมือนทำยังๆ มันก็ไม่ลด นี่ยังไม่นับรวมการติดรสหวาน ที่เกิดจากความเคยชินจากการรับประทานอาหารทั่วไปในชีวิตประจำวัน พอทานอาหารที่ไม่หวานหรือไม่ใส่น้ำตาลก็ทำให้รู้สึกว่าไม่ได้รสชาติที่พอใจ ก็จะกลับไปหาอาหารที่หวานกว่าอีกโดยที่ไม่รู้ตัว !

จากสถิติของกระทรวงสาธารณสุขพบว่าคนไทย 1 คน จะบริโภคน้ำตาลปีละประมาณ 30 กิโลกรัมต่อปี ซึ่งมากกว่าที่องค๋การอนามัยโลกแนะนำไว้ถึง 3 เท่า คือไม่ควรเกิน 10 กิโลกรัมต่อปี นี่เป็นเรื่องที่ชัดเจนมากที่บอกให้เราทราบได้ว่าพฤติกรรมการบริโภคปกติของคนไทยเรา มีพลังงานจากน้ำตาลที่สูงกว่าปกติ ดังนั้น หากใครที่กำลัง ออกกำลังกาย เพื่อลดน้ำหนัก แล้วเกิดพบว่าทำยังไงก็ไม่ลด ควรลองทำอาหารรับประทานเองตามแบบควบคุมความหวาน ปริมาณแคลอรี่ และจำนวนอาหาร เชื่อว่าน่าจะได้ผลที่ดีขึ้น อย่าทานข้างนอกบ้านเลย เพราะดูเหมือนว่า ในบ้านเราน้ำตาลครองตลาดอาหารอยู่ !