การเตรียมร่างกายเรื่องที่ผู้ ออกกำลังกาย ควรทราบ

การ ออกกำลังกาย เป็นเรื่องที่ดี และดีกับทุกคนทุกเพศทุกวัย การออกกำลังกายทำให้สุขภาพร่างกายและกล้ามเนื้อแข็งแรง การไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น และอารมณ์แจ่มใส อันนี้ทุกคนทราบดี... แต่ ในการจะออกกำลังกายสำหรับคนที่ไม่ได้ออกกำลังกายบ่อย หรือคนที่นานๆ ทีจะออกกำลังกายสักครั้งหนึ่ง (เอาง่ายๆ คือ คนที่เกิดอยู่ฟิตขึ้นมาแล้วก็ลงมือออกกำลังกาย) ควรต้องทราบว่า ก่อนที่เราจะออกกำลังกายได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพนั้น เราจะต้องมีการเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อน ไม่เช่นนั้นกล้ามเนื้อและประสาทสัมผัสปรับตัวไม่ทันอาจเกิดการบาดเจ็บจากการออกกำลังขึ้นได้ ถ้าให้เปรียบเทียบก็เหมือนรถที่ไม่ได้ใช้งานมานานๆ หลายๆ จุดเกิดการฝืดและติดขัดเป็นสนิม จู่ๆ ติดเครื่องได้แล้วบึ่งออกไป รถย่อมเกิดการชำรุดเสียหายได้ ร่างกายคนเราก็มีลักษณะแบบนั้น...

การออกกำลังกายมี 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ

1.      1. การออกกำลังแบบ Aerobic exercise เป็นการออกกำลังกายแบบค่อยเป็นค่อยไปแต่ยาวนานต่อเนื่อง เช่นการวิ่งจ๊อกกิ้งช้าๆ แต่นานหน่อย หรือการปั่นจักรยานไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการปั่นบนถนน หรือการ ปั่น Spin Bike อยู่กับที่ ที่ไม่มีการรีบเร่งเกินไปก็จัดอยู่ในแบบนี้

2.      2. การออกกำลังแบบ Anaerobic exercise เป็นการออกกำลังที่ใช้การอั้นลมหายใจ หรือกลั้นหายใจในระยะสั้นๆ ประกอบ เช่น การยกน้ำหนัก , การวิ่ง 100 เมตร (คือการทุ่มพลังออกมาในคราวเดียวระยะสั้นๆ )

คนที่นานๆ ออกกำลังกายที ควรเลือกออกกำลังแบบ Aerobic exercise มากกว่า Anaerobic exercise เนื่องจากร่างกายไม่มีความพร้อม ต้องค่อยๆ เริ่ม หากหักโหมอาจเกิดปัญหากล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็นฉีกขาดได้

และก่อนการออกกำลัง เราควรมีการอบอุ่นร่างกายก่อน เพื่อเตรียมอุณหภูมิร่างกาย การหายใจ และระบบการไหลเวียนโลหิตให้มีความพร้อม เริ่มจากการยืดกล้ามเนื้อบริหารร่างกายสัก 5-10 นาที แล้วเริ่มออกกำลังจากเบาๆ ไปก่อน เช่นหากเราจะวิ่ง ควรเริ่มจากการเดินแบบเพิ่มความเร็วขึ้นช้าๆ ก่อนแล้วค่อยออกวิ่งเหยาะๆ ไปเรื่อยๆ ในคนที่ไม่ได้ออกกำลังกายเป็นประจำไม่ควรที่จะหักโหมเด็ดขาดเพราะเกิดอาการเจ็บปวดได้ง่าย

ในช่วงก่อนออกกำลังกายเสร็จก็เช่นกัน หลังจากวิ่งมาสักครู่หนึ่งแล้ว (20-30 นาที แล้วแต่สภาพร่างกาย) เราพอแล้วจะเลิก ก็ไม่ควรหยุดทันที ควรผ่อนความเร็วจากวิ่งให้ช้าลงและเปลี่ยนเป็นเดินช้าลงเรื่อยๆ ในราว 5-10 นาที แล้วจึงค่อยหยุด เพื่อช่วยปรับการเต้นของหัวใจการสูบฉีดของเลือด และเป็นการผ่อนคลายกล้ามเนื้อไปในตัว หากเป็นการปั่นจักรยาน หรือ เล่น อุปกรณ์ฟิตเนส ก็ควรค่อยๆ ผ่อนความเร็วจังหวะการออกกำลังลงช้าๆ

และก่อนเลิก ออกกำลังกาย ควรมีการบริหารยืดกล้ามเนื้ออีกเล็กน้อย เพื่อลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของร่างกายและลดอาการปวดกล้ามเนื้อหลังออกกำลังสำหรับคนที่นานๆ ออกกำลังที