การใช้ เครื่องออกกำลังกาย ให้สอดคล้องกับการทำงานของตับ

ตับเป็นอวัยวะที่มีความสำคัญต่อร่างกายของเราเป็นอย่างมาก มันทำหน้าที่เหมือนโรงงานหลักของร่างกาย มีหน้าที่ในการจัดการกับสารอาหารที่ร่างกายรับเข้ามาแปรสภาพให้เหมาะสมที่ร่างกายจะสามารถนำไปใช้งานได้ เช่น การจัดการกับอาหารกลุ่มพลังงาน พวกแป้ง น้ำตาล คาร์โบไฮเดรตทั้งหลาย หลังจากระบบย่อยอาหารรับเอาสารอาหารกลุ่มนี้เข้ามาและแปลงให้อยู่ในสภาพน้ำตาล ตับจะทำหน้าที่เปลี่ยนน้ำตาลเหล่านี้ให้เป็นโกลไคเจน ที่ร่างกายและกล้ามเนื้อสามารถนำไปใช้เป็นพลังงานได้ หรือ อาหารประเภทเนื้อและโปรตีนทั้งหลาย ที่รับประทานเข้าไป ก็เป็นตับอีกเหมือนกันที่ทำหน้าที่เปลี่ยนโปรตีนให้กลายเป็นฟอสฟาเจน ที่ร่างกายสามารถนำไปเสริมสร้างและซ่อมแซมส่วนที่จำเป็นต้องใช้งานและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ การรับสารอาหารเข้าและแปลงให้ใช้งานได้ การเก็บสะสมสารอาหารไว้ และทำการจัดส่งไปในจุดที่ต้องการใช้งาน ล้วนเป็นหน้าที่ของตับ แต่ในเวลาเดียวกัน สิ่งที่เป็นพิษต่อร่างกาย ก็เป็นตับอีกเหมือนกันที่ทำหน้าที่ดักเอาไว้และหาทางกำจัดส่งออกไปทิ้งนอกร่างกาย ตับจึงเป็นอวัยวะที่ต้องทำงานหนักเป็นอย่างมากที่สุดอย่างหนึ่งในร่างกายของคนเรา และ... คุณทราบไหมว่า การออกกำลังกาย หรือ การใช้ อุปกรณ์ออกกำลังกาย ของเรานั้นก็มีความเกี่ยวข้องกับตับด้วย

แน่นอนว่าการออกกำลังกายนั้นดีต่อระบบสุขภาพโดยรวม นั่นย่อมรวมถึงตับ แต่... หากว่าเราออกกำลังกายในบางเวลา ก็อาจกลายเป็นการซ้ำเติมทำให้ตับไม่ได้พักผ่อนเท่าที่ควรจะเป็นได้เช่นกัน !

ตับนั้นทำงานได้ดีในช่วงที่เรานอนหลับพักผ่อน และมันจะทำงานไปอย่างเต็มที่เรื่อยๆ จนเราตื่นนอน สารอาหารทุกอย่างที่ตกค้างในร่างกายจะถูกโรงงานใหญ่อย่างตับดึงกลับไปเก็บ (หากมากเกินไป ก็จะแปรสภาพให้กลายเป็นไขมันสะสม) แต่ในตอนเช้าในระบบเลือดของเราแทบจะไม่มีพลังงานเหลืออยู่เลยเนื่องจากการจัดการของตับและในเวลาเดียวกันมันก็ต้องทำงานหนัก เพื่อให้ทันต่อช่วงการขับถ่ายที่จะส่งของเสียออกไปทิ้งนอกร่างกาย

ดังนั้นหากเราออกกำลัง หรือ ใช้ เครื่องออกกำลังกาย ในช่วงเช้าหลังตื่นนอน ที่ในเลือกไม่มีสารอาหารและพลังงาน ตับก็จะต้องกลับมาทำงานดึงพลังงานสะสมออกมาและส่งกลับไปให้ร่างกายใช้อีก นั่นหมายถึง มันต้องทำงานหนักอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากนานๆ ไปคงไม่เป็นผลดีต่อตับแน่ๆ ดังนั้นหากต้องการออกกำลังกาย อาจจะรอสักหน่อย สัก 1-2 ชั่วโมงหลังตื่นนอน และควรทานอาหารก่อนไปออกกำลังกายเล็กน้อย (ต้องเป็นอาหารที่เปลี่ยนเป็นพลังงานง่าย) เพื่อให้ตับมีเวลาและไม่ต้องทำงานหนักเกินไป หรือ... หากสะดวกก็เปลี่ยนไปออกกำลังกายตอนเย็น ที่ร่างกายที่อุณหภูมิและความพร้อมในเรื่องสารอาหารที่จำเป็นต้องใช้ในการออกแรงมากกว่า ก็จะเป็นผลดีต่อการทำงานของตับด้วยเช่นกัน

ภาพประกอบจาก : ucsf.edu