อาการที่บอกให้ทราบว่า คุณ ปั่นจักรยานเกินขนาด

การออกกำลังกายไม่ว่าจะเป็นแบบใด ย่อมเกิดเหตุการณ์ออกกำลังหักโหมเกินขนาดขึ้นได้ ไม่เว้นแม้แต่การออกกำลังกายที่เกิดแรงกระแทกน้อย และไม่น่าเกิดอาการบาดเจ็บได้ง่ายๆ อย่างการ ปั่น จักรยานออกกำลังกาย ที่ปั่นอยู่กับที่ ซึ่งปลอดภัยและไร้แรงกระแทกรุนแรงที่สุด ไม่เหมือนการปั่นบนท้องถนนที่ ต้องเผชิญกับการปั่นขึ้นๆ ลงๆ ทางลาดชันหรือปั่น หรือตกหลุมบ่อที่อาจเกิดแรงกระแทกได้

สาเหตุของการออกกำลังแบบหักโหมเกินขนาด เกิดจากการไม่รู้สภาพร่างกาของตนเองหรือพูดง่ายๆ ก็คือ ไม่สามารถประเมินความเหมาะสมในการออกกำลังกายให้เหมาะกับตนเองได้ ส่วนมากจะเกิดขึ้นกับนักปั่นมือใหม่ แต่ก็มีเหมือนกันที่เกิดกับผู้ที่ปั่นมานาน ที่เผอเรอไม่ทันสังเกตอาการร่างกายตนเอง ให้ดีเสียก่อนว่าได้ถึงขีดจำกัด ที่ต้องอาศัยเวลาเพิ่มเติมอีกสักหน่อยก่อนจะเข้าสู่สภาพออกกำลังกายขั้นนั้น

ดังนั้นการสังเกตสภาพร่างกาย หรือดูอาการที่เกิดขึ้นในช่วงระหว่างการออกกำลังกายและหลังการออกกำลังกายด้วยการ ปั่นจักรยาน เป็นเรื่องจำเป็น เพราะจะทำให้เราสามารถปฏิบัติตนให้สอดคล้องกับสภาพร่างกายของเราได้ การทำตามอย่างคนอื่น หรือทำไปตามใจปรารถนาของตนเองโดยไม่สภาพสภาพที่แท้จริงนี่แหละ ที่มาของการเกิดอาการบาดเจ็บ !

อาการที่ฟ้องว่า ปั่นจักรยานเกินขนาด

1.      1. มีอาการหมดแรง หรือล้าเกินกำลังในระหว่างการปั่น เกิดจากการที่ร่างกายขาดพลังงาน และได้ดึงเอาพลังงานจากกล้ามเนื้อ ทั้งพลังงานจากคาร์โบไฮเดรต และไกลโคเจนในกล้ามเนื้อออกมาใช้จนหมด หากฝืนต่อไปโดยไม่มีการเสริมพลังงาน กล้ามเนื้ออาจเกิดการฉีกขาดได้

2.      2. อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อมาก หลังการปั่น นี่เป็นอาการที่ร่างกายฟ้องเราว่า คุณได้ก้าวข้ามขีดที่เหมาะสมที่ร่างกายของคุณทนได้ไปแล้ว ตอนนี้ร่างกายต้องการการพักผ่อนที่มากขึ้นเพื่อฟื้นฟูสภาพ อาจจะหยุดสัก 1 วัน เพื่อให้ร่างกายดีขึ้นก่อนค่อยไปปั่นใหม่ หากฝืน อาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อถามหาแน่นอน !

3.      3. อาการเจ็บที่กล้ามเนื้อหลังการปั่น เกิดได้หลายจุด ส่วนมากพบอาการนี้ที่ต้นขา น่อง หัวเข่า และข้อเท้า เกิดจากการใช้แรงเกินขนาด อาการเจ็บนี้คือสัญญาณบอกคุณว่า ได้มีส่วนหนึ่งส่วนใดในร่างกายเกิดความเสียหายขึ้นแล้ว ! ต้องพักและรักษาอาการก่อน

นี่เป็น 3 สัญญาณที่จะเตือนให้คุณทราบว่าคุณได้ออกกำลังด้วยการ ปั่นจักรยานเกินขนาด ไปแล้ว ต้องมีการพักผ่อน และทบทวนความหนักของการออกกำลังกาย ที่สำคัญคืออย่าได้ใจร้อน ทำให้พอเหมาะกับสภาพร่างกายของเรา แล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้นช้าๆ จะดีกับสมรรถภาพของเราที่สุด