คำถามยอดฮิตเรื่องหนึ่งของผู้กำลังอยู่ในระหว่างตัดสินใจเลือกวิธีการในการออกกำลังกาย ก็คือ การนำเอาลักษณะการออกกำลังกาย 2 ชนิด ที่เข้าตาที่สุดมาเทียบกัน และ อุปกรณ์ออกกำลังกาย อย่างหนึ่งที่มักถูกนำมาถามและเอาไปเทียบกับการออกกำลังกายอื่นๆ ก็คือ จักรยานออกกำลังกาย ซึ่งการตั้งคำถามนี้มันเกิดขึ้นกับผู้ที่อยู่ในช่วงตัดสินใจในการเลือกซื้อเครื่องออกกำลังชนิดนี้มาใช้งานที่บ้าน
หากจะเทียบกัน ก็คงต้องนำเอาข้อมูลของการออกกำลังทั้งสองอย่างมาเทียบกันดูก่อน เพื่อจะได้มองโดยภาพรวมเพื่อนำมาตัดสินใจได้
ลักษณะการออกกำลังกาย และข้อมูลทั่วไป
การวิ่งจ๊อกกิ้ง : เป็นการวิ่งด้วยความเร็วไม่สูงมากนัก เป็นลักษณะการวิ่งไปเรื่อยๆ ร่างกายจะไม่มีอาการบอบช้ำและได้รับแรงกระแทกที่รุนแรงมากนัก ดังนั้นจึงสามารถใช้เป็นกิจกรรมในการออกกำลังกายได้ในแทบทุกเพศทุกวัย เว้นแต่ ผู้ที่มีปัญหาเรื่องโรคข้อ ที่การวิ่งอาจทำให้เกิดแรงกระแทกในการลงน้ำหนัก ทำให้เกิดอาการเจ็บปวด อาการกำเกิบ หรือ ในคุณผู้หญิงตั้งครรภ์ การออกกำลังแบบนี้ก็ถือว่าหนักเกินไปและมีแรงกระเทือน หรือผู้ที่มีอาการป่วยด้วยโรคที่ทำให้หน้ามืดเป็นลม การออกไปวิ่งบนถนนก็เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายอยู่ ควรมีคนไปเป็นเพื่อนเสมอ นอกนั้นก็สามารถวิ่งได้ตามปกติ ถือว่าเป็นการออกกำลังในระดับปานกลาง อัตราการเผาผลาญใช้พลังงานในการวิ่งเหยาะๆ อยู่ที่ประมาณ 850 กิโลแคลอรี่/ชั่วโมง (ความเร็วเฉลี่ยประมาณ 13 กิโลเมตร/ชั่วโมง)
การใช้เครื่องปั่นแบบอยู่กับที่ : เป็นการออกแรงด้วยกล้ามเนื้อขาเป็นหลัก ไม่มีแรงกระแทกและใช้งานง่าย ทำให้สามารถใช้ได้ทุกเพศทุกวัย แม้แต่ผู้ป่วยโรคข้อ หรือสตรีมีครรภ์ ก็สามารถใช้งานเครื่องนี้ในการออกกำลังกายได้ หรือ แม้แต่ผู้ที่ป่วยด้วยโรคที่เสี่ยงต่อการเป็นลมหมดสติ ผู้ป่วยโรคหัวใจ เบาหวาน ก็สามารถใช้งานเครื่องนี้ได้ เนื่องจากอยู่ภายในบ้าน สามารถดูแลได้ง่าย ไม่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ อัตราการเผาผลาญใช้พลังงานในการปั่นจะอยู่ที่ประมาณ 450 – 500 กิโลแคลอรี่/ชั่วโมง (ความเร็วเฉลี่ย 15 กิโลเมตร/ชั่วโมง)
เมื่อเอามาเทียบกันแล้วเราจะพบว่าทั้งสองแบบมีข้อดี การวิ่งช่วยให้เราสามารถเผาผลาญพลังงานได้เร็ว หากผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก การวิ่งเป็นทางที่สามารถลดน้ำหนักไขมันส่วนเกินไปเร็วกว่า แต่หากว่าเอาความชัวร์ว่าทำได้เป็นประจำ จักรยานดูเหมือนจะได้เปรียบ เพราะคนที่เริ่มออกกำลังกายใหม่ๆ น้อยคนจะสามารถทนวิ่งได้เต็มชั่วโมง และวิ่งทุกวัน แต่จักรยานปั่นได้ทุกวันแน่ๆ เพราะไม่หนัก ไม่บาดเจ็บไม่มีอาการปวดเมื่อยมาก และหากเทียบกันที่ความสะดวก ที่ทำให้เราสามารถออกกำลังได้ทุกวัน จักรยานปั่นอยู่กับที่ก็ได้เปรียบอีก เนื่องจาก ไม่ต้องกังวลเรื่องสภาพอากาศฤดูกาล ไม่ต้องเดินทางไปไหน ไม่ต้องใช้พื้นที่มาก และที่ชัดที่สุดก็คือ เรื่องความปลอดภัย จักรยานออกกำลังกาย มั่นใจได้มากกว่าในเรื่องนี้
นี่เป็นการเปรียบเทียบเบื้องต้นของการออกกำลังทั้งสองแบบ ซึ่งยังมีข้อปลีกย่อยอีกมากมายหากต้องการวัดเทียบข้อดีข้อเสียกันจริงๆ
อยากจะขอสรุปว่า การออกกำลัง ไม่ว่าจะเป็น การปั่น Spin Bike อยู่กับที่ หรือการออกไปวิ่งจ๊อกกิ้ง ล้วนแต่มีข้อดีทั้งนั้น หากแต่มันขึ้นอยู่กับความพร้อมของตัวเราเอง พิจารณาจากข้อจำกัดของร่างกายของเรา จากเวลาของเรา และสิ่งที่เราต้องการ แล้วค่อยตัดสินใจเลือก การออกกำลังกายล้วนแต่ดีทั้งนั้น หากทำได้อย่างเหมาะสม
หน้าที่เข้าชม | 933,620 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 605,722 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 15 ก.ย. 2568 |